วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2562

The joy of Not working ว่างงาน แต่ก็มีความสุข

ในช่วงที่ยุคเศรษฐกิจก้าวเข้าสู่ข้าวยากหมากแพง แม้กระทั่งเงินฝากที่มีอยู่ในธนาคาร ก็กำลังจะถูกสรรพากรเก็บภาษีดอกเบี้ยเงินฝากด้วย และในยุคที่รถเมล์ขอขึ้นราคา แล้วถ้าหากว่าคุณยังว่างงานอีก ยิ่งทำให้กินอยู่อย่างลำบากมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ดี ในร้ายมีดี ในดีมีร้าย บางครั้ง Perception is everythinุg. ทุกอย่างขึ้นอยู่กับมุมมอง สุขหรือทุกข์อยู่ที่มุมมอง เนื่องจาก การว่างงาน อาจจะเกิดโอกาสให้คุณได้ค้นพบตัวเองได้มากขึ้นอย่างแท้จริง Real you ที่คุณอาจจะไม่ได้เคยได้พบ

มุมมองที่สุดจะพบพานได้ง่ายในประเทศไทย พบได้ในหนังสือ
The Joy of Not Working จากนักเขียน Ernie J. Zelinski ว่าบางครั้ง เพชรแท้อาจจะอยู่ในมือของคุณ หนังสือเล่มนี้ เหมาะกับ ผู้เกษียณ,คนว่างงาน และ คนบ้างาน (overworked) เพื่อคุณได้ค้นพบว่า การจัดสมดุลระหว่าง "งาน" กับ "ชีวิต" มันควรเป็นอย่างไร


1. รักที่จะมี Leisure หรือ งานอดิเรก ต้องเป็นงานอดิเรกที่ มีโครงสร้าง หรือสัดส่วนเวลาของมัน 
งานอดิเรกที่มีลักษณะ Active ไม่ใช่เอาแต่ นอนดูทีวี งานอดิเรกที่มี โครงสร้าง มีเป้าหมาย มี ความกระฉับกระเฉง ก่อให้เกิดภาวะการว่างงานของคุณนั้นมีความหมาย

2. การว่างงาน ที่ทดแทนการทำงานได้ เพราะว่าอะไร  เนื่องจากการทำงาน มักจะให้ community เพื่อน reward ผลตอบแทน ทั้งตำแหน่ง และรายได้ , มีแบบแผนของมัน  ถ้าว่างงาน แล้ว คุณควรจะต้องมีสังคม มีการพบปะเพื่อนฝูงด้วย ไม่ใช่อยู่แต่ในบ้าน  การทำงาน หรือ การว่างงาน จะต้องมี หลายมิติ หรือ ปัจจัย รองรับ ให้เราไม่รู้สึกเคว้งคว้าง ให้คุณได้รู้ว่า แม้ว่าเราจะว่างงาน หรือ เกษียณแล้ว แต่เราก็มีคุณค่า เฉกเช่น กับเรากำลังทำงานอยู่

3. Peak Performer กับ Workhaloic  คนรู้จักทำงาน กับ พวกบ้างาน  -พวกที่บ้างาน ชีวิตมีแต่งานกับ กลับบ้าน แต่คนรู้จักทำงาน เค้ามีงานอดิเรก พบปะเพื่อนฝูง กีฬาที่ชอบไปเล่น และมิติอื่นๆ ของชีวิต เมื่อใดที่ไม่มีงาน เค้าก็ยังมีสิ่งอื่นๆ หลงเหลืออยู่ แต่ พวกที่บ้างาน ถ้าเกษียณปุ๊ป หรือ ไร้งานเมื่อใด ชีวิตจะเสียศูนย์ เสียสมดุลทันที

4. แปลกนะ ที่คนเราก็รู้อยู่เต็มอกว่า การทำงาน มันสร้างความเครียด และตื่นตระหนก กับเราเพียงใด แต่ พวกที่ว่างงาน หรือเพิ่งเกษียณอายุ อยู่ไม่เป็นสุข และพยายามเอาตัวเองไปอยู่ในการทำงานอีกครั้ง เพราะ ลึกๆ แล้วเรากลัวอะไรอยู่รึเปล่า ลองใช้เวลาว่างที่คุณมีอยู่ในขณะนี้ ถามตัวเองดู ว่าแท้จริงแล้วชีวิตคุณต้องการอะไร และ อะไรคือเป้าหมายที่คุณจะสามารถเติมเต็มให้ชีวิตคุณได้ (Fullfillment) เนื่องจากโลกนี้มีไว้ให้เหยียบ ไม่ได้มีไว้ให้แบก 

5. หลายคนให้เหตุผลว่า "เงิน"สำคัญมาก เราต้องรีบหาเงินไว้เยอะๆ และต้องทำงานหนักๆ แต่พวกที่มีเงินมากพอใช้แล้ว แต่ยังทำงานอยู่อาจจะถูกว่าเป็นพวกบ้าก็ได้ แต่อย่างไรก็ดี หนังสือไม่ได้บอกว่า เงินไม่สำคัญ เพียงแต่ว่า การอยู่อย่างพอเพียง หรือ การอยู่แบบที่คุณรู้ว่า คุณต้องการเงินจำนวนมากแค่ไหน แล้วคุณจะได้หยุดพัก และพอ เพื่อจะมาใช้ชีวิตพักผ่อนในอีกด้านนึง การรู้จักปล่อยวางเรื่องงาน ในบ้างครั้งก็สำคัญ หรือ แม้แต่การหยุดพัก การทำงาน ช่วงเวลานึง อาจจะทำให้คุณกลับไปทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (มากกว่าอดทนทำไปจนเสร็จ) การมีเวลาพักผ่อน เพื่อมาลับคมสมอง อาจจะทำให้คุณทำงานได้ดีขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้นจริงๆ

6. งานอดิเรก ที่ทำให้คุณ self-respect , เคารพนับถือในตัวเอง  physical attraction ให้ร่างกายดูดีขึ้น หรือ spiritual development การพัฒนาทางด้านจิตวิญญาณ ของคุณเอง อาจจะเป็น หนทางแนะนำให้คุณได้รู้จักตัวเอง และพัฒนาตนเองไปในทางที่ดีขึ้น ในช่วงเวลาเกษียณอายุ หรือ ว่างงาน สามารถจะมีให้คุณได้


ดังนั้น ในสภาวะการณ์ ที่คุณมองว่า ภาวะการว่างงาน หรือ ภาวะเกษียณไม่ดี หากคุณได้อ่านหนังสือเล่มนี้ หรือ มีมุมมองใหม่ที่ปรับตัวให้เข้ากับสภาวะความเป็นจริง อาจจะทำให้คุณได้ผ่อนคลาย และได้รู้จักกับตัวเองได้ดีมากขึ้น เพื่อพร้อมกับ กับเรื่องใหม่ๆดีๆในอนาคต หรือเป็นคนที่ใช้ชีวิตเป็น อย่างมีคุณค่าอีกด้วย